รีวิวเกม The Legend of Legacy HD Remastered

รีวิวเกม The Legend of Legacy HD Remastered

รีวิวเกม The Legend of Legacy HD Remastered ในยุคนี้เกม RPG แบบเทิร์นเบสอาจจะไม่เป็นกระแสหลัก แม้ว่าผู้สร้างจะพยายามเติมแต่งอะไรใหม่ๆ ลงไป แต่กลับดูล้าสมัยไปแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมคลาสสิกแล้ว เกมนี้ยังสนุกดีเมื่อเล่นตอนเด็กๆ ดังนั้นเกมเก่าๆ จึงต้องขุดคุ้ยมาขายใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าทำออกมาดีก็จะขายได้ แถมด้วยกระแสเกมย้อนยุคที่มาแรง จึงไม่แปลกที่เกม RPG แบบคลาสสิกจะมีให้เล่นกันอย่างต่อเนื่อง

และล่าสุดก็มีการเปิดตัวเกม ‘The Legend of Legacy HD Remastered’ เกม RPG แบบเทิร์นเบสที่เคยวางจำหน่ายบนเครื่องคอนโซลพกพาของ Nintendo อย่าง Nintendo 3DS เมื่อปี 2015 และล่าสุดก็มีการเปิดตัวใหม่อีกครั้งในรูปแบบกราฟิกที่คมชัดยิ่งขึ้นในระดับ HD และวางจำหน่ายบน Nintendo Switch, PlayStation 4, PlayStation 5 และบน PC อีกด้วย

หากมองในเชิงพื้นหลัง ‘The Legend of Legacy’ อาจจะไม่ใช่เกมคลาสสิกที่โด่งดังมากนัก กราฟิกก็ธรรมดาทั่วไป หากดูจากภายนอกก็แทบจะไม่มีฟีเจอร์เด่นอะไรนัก แต่ถ้าลองเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของทีมงานสร้างเกมจะพบว่ามีทีมงานชื่อดังมาทำงานด้วย เพราะตัวเกมมีทีมงานอย่าง มาซาโตะ คาโตะ ที่เคยช่วยสร้างเกมในตำนานอย่าง ‘Chrono Trigger’ มาก่อน อย่างน้อยก็มีจุดขายที่ทำให้แฟนเกมคลาสสิคสนใจ

รีวิวเกม The Legend of Legacy HD Remastered กราฟิกปรับเล็กน้อย

รีวิวเกม The Legend of Legacy HD Remastered ตามชื่อเกม The Legend of Legacy HD Remastered ก็คือเป็นการนำกราฟิกระดับ HD มาทำใหม่ ไม่ใช่รีเมค ดังนั้นภาพในเกมจึงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยกเว้นความคมชัดที่เพิ่มขึ้น การออกแบบตัวละครเป็นสไตล์ SD และคล้ายกับซีรีส์ JRPG หลายๆ ซีรีส์บน 3DS และ NDS ดังนั้นหากคุณไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ เกมนี้จะดูล้าสมัยมาก

อย่างไรก็ตาม จุดที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือระบบเมนู เนื่องจากเกมต้นฉบับวางจำหน่ายบนคอนโซลพกพาที่มี 2 หน้าจอ เวอร์ชันบน Nintendo Switch จึงต้องปรับเมนูให้แสดงบนหน้าจอเดียวและมีระบบแผนที่ขนาดเล็กบนหน้าจอเพื่อให้มองเห็นได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือเพลงประกอบซึ่งเป็นสไตล์เกม RPG ที่สร้างในญี่ปุ่น มีความรู้สึกเกมคลาสสิกและฟังง่าย แต่ไม่มีเพลงประกอบที่ติดหู และสิ่งที่ดูล้าสมัยตามเกมต้นฉบับคือไม่มีนักพากย์เหมือนอย่างเคย

เกมเพลย์ RPG เดิม ๆ ที่ไม่มีอะไรใหม่

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ‘The Legend of Legacy HD Remastered’ เป็นเกม RPG แบบผลัดตาเดินที่มีคำสั่งเดิมๆ และฉากส่วนใหญ่จะถูกจำกัดด้วยมุมกล้อง ทำให้ดูล้าสมัยไปสักหน่อย โดยเฉพาะฉากในเมืองที่คล้ายกับเกม PS1 แต่ดูเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ข้อเสียอย่างเดียวคือฉากแผนที่โลกนั้นเลือกแค่จุดที่ต้องการบนแผนที่เท่านั้น แต่ทำให้เกมเล่นได้เร็ว เนื้อเรื่องก็นำเสนอได้ดี ในตอนแรกเราจะเลือกตัวละครที่ต้องการแล้วเริ่มเล่นเนื้อเรื่องต่างๆ ซึ่งก็คล้ายกับเกมในตำนานอย่าง ‘SAGA’ ที่เคยโด่งดังมาก่อน

จุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเกมคือฉากดันเจี้ยน เมื่อผู้เล่นเข้าไป วัตถุในฉากจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นราวกับว่าฉากโหลดไม่เร็วพอ เช่น ต้นไม้ในป่าที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนพื้นเมื่อผู้เล่นเดินผ่าน แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่เป็นสิ่งที่ผู้สร้างตั้งใจทำเพื่อเซอร์ไพรส์ผู้เล่นเมื่อเดินเข้าไปในฉากดันเจี้ยน เพราะไม่รู้ว่าจะเจออะไรในฉากนั้น นี่เป็นจุดดีสำหรับเกมนี้เพราะไม่มีใครใช้รูปแบบนี้มากนัก

ระบบการเล่นแบบเกม RPG ยุค 90S

สิ่งที่เกมนี้ยืมมาจากเกมในอดีตไม่ได้มีแค่ระบบเทิร์นเบสเท่านั้น แต่ยังขาดระบบอัปเกรดตัวละครโดยตรงจากเลเวลต่างๆ ด้วย แต่เลเวลต่างๆ เป็นการอัปเกรดแยกกัน เช่น เพิ่ม HP หรือเพิ่มพลังโจมตีหรือป้องกัน ซึ่งทั้งหมดแยกจากกันและไม่รวมเข้าเป็นเลเวลเดียวเหมือนเกม RPG ทั่วไป นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับอาวุธและชุดเกราะที่เราสวมใส่ด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเกมในตำนานอย่าง ‘SAGA’ เคยใช้มาก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ระบบอาวุธและชุดเกราะยังคงเหมือนกับเกม RPG ทั่วไป คือเรียบง่ายและเข้าใจง่าย แต่ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่สิ่งที่แฟนๆ จะต้องชอบคือความยากและความท้าทาย เพราะแม้แต่ศัตรูธรรมดาในฉากแรกๆ ก็สามารถฆ่าผู้เล่นทั้งทีมได้อย่างง่ายดายหากไม่ได้วางแผนอย่างดี ผู้เล่นจะต้องจัดทีมให้เหมาะสมและใช้ระบบธาตุที่ส่งผลเสียต่อกันเพื่อกำจัดศัตรู เพื่อให้ผู้เล่นได้เปรียบซึ่งก็คือข้อได้เปรียบนั่นเอง เพราะในยุคนี้ของเกม ความยากกลายมาเป็นจุดขายหลัก

โดยรวมแล้วการกลับมาของเกม ‘The Legend of Legacy HD Remastered’ อาจไม่เหมาะกับทุกคน เพราะยังคงมีรูปแบบการเล่นแบบเก่า กราฟิกก็ไม่ได้ต่างจากภาคแรกมากนัก ดูเหมือนว่าทีมงานจะไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายนัก แต่ถ้าคุณชอบภาคดั้งเดิมหรือชอบรูปแบบการเล่น RPG แบบเทิร์นเบสแบบเก่าๆ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์สุดคลาสสิกในยุค 90 เลยทีเดียว

บทความแนะนำ

รีวิวเกม Eiyuden Chronicle

รีวิวเกม Paper Mario